Thursday, July 30, 2009

วิธีเปลี่ยนหมายเลขผลิตภัณฑ์สำหรับ Office XP, Office 2003 และสำหรับชุดและโปรแกรม Office 2007

คุณต้องเอาโปรแกรม Microsoft Office ออกก่อนแล้วติดตั้งใหม่ จึงจะสามารถเปลี่ยนหมายเลขผลิตภัณฑ์สำหรับ Microsoft Office XP, Microsoft Office 2003 และสำหรับชุดและโปรแกรม Microsoft Office 2007 ได้

การแก้ไข

เมื่อต้องการแก้ปัญหานี้ ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไปนี้

คำเตือน อาจเกิดปัญหาร้ายแรง หากคุณแก้ไขรีจิสทรีไม่ถูกต้อง โดยใช้ 'ตัวแก้ไขรีจิสทรี' หรือโดยใช้วิธีอื่น คุณอาจต้องติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Microsoft ไม่อาจรับประกันได้ว่าปัญหาเหล่านี้จะสามารถแก้ไขได้ คุณต้องยอมรับความเสี่ยงในการแก้ไขรีจิสทรีด้วยตนเอง หมายเหตุ ถ้าคุณพยายามเปิดโปรแกรม Office ใดๆ หลังจากที่ทำตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับข้อความที่พร้อมท์ให้คุณใส่หมายเลขผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง ให้เตรียมหมายเลขผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มทำตามขั้นตอนต่างๆ
  1. ปิดโปรแกรม Office ทั้งหมด
  2. คลิกที่ เริ่ม คลิก เรียกใช้ พิมพ์ regedit แล้วคลิก ตกลง
  3. ค้นหาและคลิกคีย์ย่อยดังต่อไปนี้

    สำหรับชุดและโปรแกรม Office 2007:
    HKEY_LOCAL_MACHINE \Software\Microsoft\Office\12.0\Registration
    สำหรับ Office 2003:
    HKEY_LOCAL_MACHINE \Software\Microsoft\Office\11.0\Registration
    สำหรับ Office XP:
    HKEY_LOCAL_MACHINE \Software\Microsoft\Office\10.0\Registration
  4. การส่งออก Registration คีย์ย่อย

    คุณ สามารถสำรองค่าต่างๆ ภายใต้ Registration คีย์ย่อยได้ ในกรณีที่หมายเลขผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่สามารถใช้งานได้ โดยให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    1. คลิกขวาที่ Registration คีย์ย่อย แล้วคลิก ส่งออก
    2. ในรายการ บันทึกใน ให้ระบุตำแหน่งที่จะบันทึกรายการลงทะเบียน
    3. ในกล่อง ชื่อแฟ้ม พิมพ์ชื่อสำหรับแฟ้ม .reg ที่คุณต้องการส่งออก แล้วคลิก บันทึก

    หมายเหตุ ในขั้นตอน 4a ถึง 4c คุณได้สร้างสำเนาสำรองของ Registration คีย์ย่อย คุณสามารถคืนค่าการตั้งค่ารีจิสทรีของRegistration คีย์ย่อยได้ โดยการคลิกสองครั้งที่แฟ้ม .reg ที่คุณได้บันทึกไว้ในขั้นตอน 4c เนื้อหาของแฟ้ม .reg จะถูกส่งออกไปยัง รีจิสทรี โดยอัตโนมัติ
  5. ภายใต้Registration คีย์ย่อย อาจจะมีตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน (GUID) หลายตัวซึ่งเป็นอักขระที่ผสมกันทั้งตัวอักษรและตัวเลข โดย GUID แต่ละตัวจะระบุเฉพาะเจาะจงแต่ละโปรแกรมติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์ของคุณ

    คลิ กที่ GUID จากนั้นให้ดูรุ่นของ Office ที่แสดงอยู่ในบานหน้าต่างขวาของ Productname รายการรีจิสทรี หลังจากที่คุณพบ GUID ที่มีรุ่นของโปรแกรม Office ของคุณแล้ว ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    1. คลิกขวาที่ DigitalProductIDรายการรีจิสทรี คลิก ลบ แล้วคลิก ตกลง
    2. คลิกขวาที่ ProductIDรายการรีจิสทรี คลิก ลบ แล้วคลิก ตกลง

      สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการระบุ GUID ที่ถูกต้องสำหรับรุ่นของชุดหรือโปรแกรม Office ที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base:
      928516 (http://support.microsoft.com/kb/928516/ ) คำอธิบายแบบแผนลำดับเลขสำหรับ GUID ของรหัสผลิตภัณฑ์สำหรับชุดและโปรแกรม Office 2007 (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด)
      832672 (http://support.microsoft.com/kb/832672/ ) คำอธิบายโครงร่างลำดับเลขสำหรับ GUID ของรหัสผลิตภัณฑ์ใน Office 2003
      302663 (http://support.microsoft.com/kb/302663/ ) คำอธิบายแบบแผนลำดับเลขสำหรับ GUID ของรหัสผลิตภัณฑ์ในโปรแกรม Office XP (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด)
  6. ปิด 'ตัวแก้ไขรีจิสทรี'
  7. เปิด โปรแกรม Office เช่น Microsoft Word เมื่อคุณได้รับข้อความที่พร้อมท์ให้คุณใส่หมายเลขผลิตภัณฑ์ ให้พิมพ์หมายเลขผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง แล้วคลิก ตกลง
อ้างอิง : http://support.microsoft.com/gp/topkbs/th

No comments:

Post a Comment